วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รมว.สาธารณสุขยัน!! ยังไม่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่

               นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันถึงกรณีมีกระแสข่าวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศไทย ว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่พบว่ามีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่แต่อย่างใด ถึงแม้ในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบผู้ป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ 42 ราย ที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา และตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ที่ไม่ร้ายแรง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าควบคุมสถานการณ์ของโรคไว้ได้แล้ว จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวดังกล่าว ขณะนี้รายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ยังอยู่ในสถานการณ์ปกติ คือมีการตรวจพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพียง 3-4 ราย จากผู้ที่มาตรวจรักษาทั้งหมด 100 คน แต่ถ้าเมื่อไรตรวจพบว่ามีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เกิน 10 คน จากทั้งหมด 100 คน แสดงว่าน่าจะมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ แล้ว


            ทั้งนี้รายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ จากสำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรค ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18 มิถุนายน 2555 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่หรือสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศรวม 13,284 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 20.91 ต่อแสนประชากร ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด เรียงตามลำดับ คือ 25-34 ปี (11.53%) 15-24 ปี (10.24%) 35-44ปี (9.73%) จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ลำปาง 135.25 ต่อแสนประชากร สงขลา (100.08) ภูเก็ต (83.06) อุตรดิตถ์ (62.64) พังงา (55.23) เมื่อเทียบจำนวนผู้ป่วยระหว่างปี 2555 กับปี 2554 ในช่วงเวลาเดียวกัน (ระหว่าง 1 มกราคม-11 มิถุนายน 2554) ซึ่งมีจำนวน 12,037 ราย พบว่ายอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 1,247 ราย หรือประมาณร้อยละ 10.36

          รมว.สาธารสุข กล่าวต่อว่า ในช่วงฤดูฝนถือเป็นช่วงการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอยู่แล้ว แม้กรมควบคุมโรคจะได้รับรายงานพบผู้ป่วยเข้ามาเป็นระยะๆ แต่คาดการณ์ว่าสถานการณ์การระบาดปีนี้ไม่น่าจะรุนแรง จะมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 1-4ล้านคน และมีอาการรุนแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาประมาณ 5-6หมื่นคน ซึ่งปัจจุบันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A/2009 H1N1กลายเป็นหนึ่งในเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไม่ได้ทำให้เกิดอาการรุนแรงมากเหมือนในปีแรกๆ

            อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนทุกคนตระหนักถึงการป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นหวัดหรือติดหวัด โดยการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ได้แก่ กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ การล้างมือบ่อยๆ จะช่วยป้องกันการนำเชื้อโรคมาสู่เราเองจากการสัมผัสเชื้อแล้วเข้าสู่จมูก ตา ปาก และเมื่อไอ จาม ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูปิดปาก ปิดจมูก และถ้าป่วยเป็นไข้หวัดแล้ว คือมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ถ้าพักผ่อนแล้ว 48 ชั่วโมงอาการไม่ดีขึ้น ให้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์เพื่อให้การดูแลรักษาต่อไป แต่ในกรณีกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ถ้าป่วยให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที และต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ไปอยู่ในที่ชุมชน แต่ที่ดีที่สุดคือป่วยแล้วควรอยู่บ้านพัก ไม่ไปทำงาน ไม่ไปโรงเรียน เพื่อไม่ให้กระจายเชื้อให้ผู้อื่นซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก

              ด้าน ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ที่เข้าข่ายอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรังต่างๆ เพราะเมื่อติดเชื้อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว จะมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ จึงขอให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ จนถึงขณะนี้ได้เตรียมวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไว้แล้วจำนวน 3.1 ล้านเข็ม (โด๊ส) โดยใช้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินงานจัดหาวัคซีนดังกล่าว ให้แก่กลุ่มเสี่ยงฉีดคนละ 1 เข็ม (โด๊ส) ถ้าฉีดวัคซีนนี้ให้กับคน 100 คน จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่า 70 คน ส่วนอีกประมาณ 30 ถ้าเป็นก็จะไม่รุนแรง ขณะนี้มีผู้ฉีดไปแล้วกว่า 177,000 คน

             การดำเนินงานในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค เช่น โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในสำนักงานต่างๆ ในสถานที่ที่เป็นห้องแอร์ โรงเรียน หรือศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานสาธารณสุขและจากประชาชนในการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคร่วมกัน ดังนั้นประชาชนที่อยู่ในสถานที่ ที่ค่อนข้างแออัด มีคนหมู่มากอยู่รวมกัน การถ่ายเทอากาศไม่สะดวก เช่น ชุมชน วัด โรงเรียน ฯลฯ แล้วพบผู้ป่วยต้องสงสัยว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และเกรงว่าจะควบคุมการระบาดของโรคไม่ได้ ให้แจ้งทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) หรือหน่วยงานสาธารณสุขที่อยู่ใกล้ที่สุด หรือแจ้งเข้ามาที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าไปควบคุมป้องกันโรคในพื้นที่ ไม่ให้เกิดการระบาดขึ้น

ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/29239
วันที่ : 6 กรกฎาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น